2551-11-23

ธอส.สวนกระแสขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากระยะสั้น ป้องกันเงินไหลออก



จัดทำโดย น.ส.ธนัชพร จินดามณีโรจน์ 5005106011


นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤติสถาบันการเงินโลกที่มองว่า จะได้รับผลกระทบหนักในปีหน้า ทำให้ปีนี้ผู้บริหารสถาบันการเงินทุกแห่งจะมุ่งเน้นบริหารดูแลสภาพคล่องและป้องกันปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องดูแล โดยขณะนี้ ธอส.มีสภาพคล่อง 40,000 ล้านบาท หากดูแลไม่ดีจะมีลูกค้าถอนเงินฝากไปยังธนาคารอื่นที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่า จึงต้องงัดกลยุทธ์ดอกเบี้ยเงินฝากมาดึงดูดลูกค้า
นายขรรค์ กล่าวว่า เพื่อเสริมสภาพคล่องและระดมทุนรองรับการปล่อยสินเชื่อ ธนาคารจึงได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์พิเศษ จากอัตราเดิมร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 3.25 ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำ 3-6 เดือน ปรับเป็นร้อยละ 3.00 ร้อยละ 3.25 และร้อยละ 3.5 ต่อปี สำหรับวงเงินฝากไม่ถึง 1 ล้านบาท 1 ล้านบาทขึ้นไป และ 5 ล้านบาทขึ้นไปตามลำดับ ตั๋วสัญญาใช้เงิน 1 เดือน จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.75 เงินฝากตั๋วสัญญาใช้เงิน 2 เดือน จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 3 มีผลตั้งแต่วันที่ 11 -30 พ.ย. 2551 เนื่องจากไม่ต้องการเพิ่มดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากระยะยาว เพราะจะกระทบต้นทุนบริหารงาน อีกทั้งต้องรอดูทิศทางดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในช่วงการแข่งขันระดมเงินฝากเมื่อให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงอาจทำให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ยอมลดดอกเบี้ยเงินกู้น้อย ดังนั้น ทิศทางการลดดอกเบี้ยเงินกู้คงไม่สอดคล้องกับดอกเบี้ยเงินฝากในสถานการณ์ช่วงนี้ ทำให้สถานการณ์ในตลาดเงินจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2551 กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ณ วันที่ 30 ก.ย. 2551 ธนาคารมีผลกำไร (ก่อนกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 7,520 ล้านบาท โดยในปีนี้ธนาคารได้กันสำรองฯ ไปแล้วจำนวนกว่า 5,843 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีก่อน 3,056 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 109.67 เพื่อนำเข้าสู่เกณฑ์สำรองตามมาตรฐาน IAS 39 ในปี 2555 ส่งผลให้ไตรมาส 3 ธนาคารมีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,677 ล้านบาท ลดลง 334.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.63 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,011.51ล้านบาทโดยธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 587,886.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.88 และ 9 เดือนที่ผ่านมาธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 57,026.77 ล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 82,460 ราย ด้านเงินฝากธนาคารมียอดเงินฝากรวม 498,804.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.13 มีสินทรัพย์รวม 646,888.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.80 มีหนี้ เอ็นพีแอล 67,499.41 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.48 ของยอดสินเชื่อรวม ขณะที่ทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) คงเหลือสุทธิตามงบการเงิน จำนวน 9,670.75 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.57 แต่หากหักยอดที่มีการขายผ่อนดาวน์แล้วจะทำให้ธนาคารมียอดเอ็นพีเอคงเหลืออยู่ 6,936 ล้านบาท โดยธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์เอ็นพีเอได้ทั้งสิ้น 1,612.20 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงดำเนินตามแผนงานจำหน่ายทรัพย์เอ็นพีเอให้ได้มากที่สุดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารได้อีกทางหนึ่งด้วย
“ยอมรับว่าขณะนี้การปล่อยสินเชื่อต้องเน้นคุณภาพ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสียภายหลัง โดยยอดปล่อยสินเชื่อปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 80,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงการคลังที่ตั้งไว้ 90,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารจะขอดูรายได้ของผู้กู้เป็นพิเศษ เพราะถือเป็นหัวใจหลักของผู้กู้ในการผ่อนชำระคืนให้กับทางธนาคารได้ โดยทางธนาคารจะให้ผู้กู้ผ่อนชำระค่างวดไม่เกินร้อยละ 35 ของรายได้สุทธิต่องวด หรือประมาณ 1 ใน 3 ของเงินรายได้ ซึ่ง ธอส.จะดูข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าผ่านรายงานของเครดิตยูโร”
ที่มา :
http://news.mcot.net/economic/
คำถาม
1. การเสริมสภาพคล่องและระดมทุนรองรับการปล่อยสินเชื่อให้กับธนาคารทำได้ด้วยวิธีใด
2. เพราะเหตุใดถึงไม่ต้องการเพิ่มดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากระยะยาว
3. ธอส.ย่อมาจากอะไร และใครคือ กรรมการผู้จัดการ ธอส.